
ข่าวที่ 93/2568 สศก. เปิดเวทีสัมมนา ประเมินผลโครงการสำคัญกระทรวงเกษตรฯ ปี 2568 สร้างความสำเร็จรูปธรรม พร้อมรับฟังทุกเสียงสะท้อน ตอบโจทย์เกษตรกรไทย
เขียนโดย Athiwat Poaek เมื่อ 27 สิงหาคม 2568
สศก. เปิดเวทีสัมมนา ประเมินผลโครงการสำคัญกระทรวงเกษตรฯ ปี 2568
สร้างความสำเร็จรูปธรรม พร้อมรับฟังทุกเสียงสะท้อน ตอบโจทย์เกษตรกรไทย
วันนี้ (27 สิงหาคม 2568) นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนา “การติดตามประเมินผลโครงการสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2568” พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “แนวทางการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2569” โดยมีนายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวรายงาน ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการ สศก กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมตลอดทั้งวัน ประกอบด้วยการบรรยาย เรื่อง “การติดตามประเมินผลโครงการสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” โดยนางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการ สศก. และการเสวนาในหัวข้อ “Agri strong: เสริมแกร่งภาคเกษตรไทยให้ยั่งยืน” ซึ่งได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ นายสุพัฒน์ อ่อนคง เกษตรจังหวัดราชบุรี นายณรงค์ศักดิ์ ชื่นสุชน ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดราชบุรี และนายจรัญ เจริญทรัพย์ เกษตรกรแปลงใหญ่มะพร้าว ซึ่งดำเนินรายการ โดย ดร.ชัฐพล สายะพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประเมินผล ของ สศก. ตลอดจนการระดมความคิดเห็นร่วมกันในหัวข้อ “ทิศทางของแผนงานโครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในระยะต่อไป” โดยนายเมธี จันต๊ะ ผู้อำนวยการส่วนประเมินผลแผนพัฒนาการเกษตร
การสัมมนาครั้งนี้ สศก. จะได้รับฟังเสียงสะท้อนและข้อคิดเห็นอันเป็นประโยชน์จากทุกภาคส่วน ซึ่งแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2569 ยังคงยึดหลักการทำงาน พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ สานต่อนโยบายเดิม ทั้ง 9 นโยบาย 2 มาตรการต่อเนื่อง ทั้งนี้ สศก. จะรวบรวมทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้จากเวทีนี้ ไปปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานด้านการติดตามประเมินผล และใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการวางแนวนโยบายและโครงการภาคการเกษตรในอนาคตให้มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ การดำเนินงานที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯ ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะนำพาภาคเกษตรไทยก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ เปลี่ยนเกษตรกรจาก “ผู้ผลิตวัตถุดิบ” สู่ “ผู้สร้างคุณค่า” ที่จะเปลี่ยนภาคเกษตร “จากไร่ สู่รันเวย์” ภายใต้วิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ที่จะผลักดันประเทศไทยให้เป็น “ศูนย์กลางการเกษตรของโลก” โดยยอมรับถึงความท้าทายที่เกษตรกรกำลังเผชิญทั้งปัญหาหนี้สิน ต้นทุนสูง ภัยธรรมชาติ และราคาผลผลิตที่ไม่แน่นอน จึงได้ขับเคลื่อนนโยบายเดิม 9 ด้าน และเพิ่ม 2 มาตรการใหม่ คือ ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และเสริมแกร่งเกษตรกรให้สามารถแข่งขันได้ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2568 ดังนี้
ผลการดำเนินงาน 9 นโยบายสำคัญ และ 2 มาตรการขับเคลื่อน ในปี 2568 ภาพรวมสำคัญ มีดังนี้ นโยบายที่ 1 สร้างวิธีการทำงานสู่การปฏิบัติ เพิ่มประสิทธิภาพศูนย์บริการเกษตรพิรุณราช 2,897 แห่ง ช่วยเหลือเกษตรกรแก้ไขปัญหาแล้วกว่า 21,733 เรื่อง นโยบายที่ 2 เร่งรัดการจัดที่ดินทำกิน ปรับปรุง ส.ป.ก. 4-01 เป็นโฉนดเพื่อการเกษตรแล้ว 134,371 ฉบับ เกษตรกรได้รับสิทธิเข้าทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว 29,540 ราย นโยบายที่ 3 บริหารจัดการน้ำทั้งระบบ พัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่รับน้ำ 41 แห่ง บริหารจัดการน้ำท่วมและน้ำแล้งในพื้นที่ชลประทานเดิม 29.94 ล้านไร่ ป้องกันบรรเทาภัยจากน้ำในพื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่เขตเศรษฐกิจ 30,290 ไร่ นโยบายที่ 4 ยกระดับสินค้าเกษตรและบริการมูลค่าสูง ส่งเสริมสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่น เช่น ไก่ชีท่าพระ สร้างรายได้เพิ่มให้ฟาร์มเครือข่าย 80,000 บาทต่อปี และรับรองผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย (ตรานกยูงพระราชทาน) มูลค่ากว่า 557.80 ล้านบาท นโยบายที่ 5 ยกระดับศักยภาพเกษตรกร/สถาบันเกษตรกร ยกระดับสถาบันเกษตรกรเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ 423 แห่ง และพัฒนาเกษตรกรสู่การเป็น Smart Farmer 18,695 ราย นโยบายที่ 6 จัดการทรัพยากรทางการเกษตร ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในพื้นที่เกษตรกรรม 8,000 ไร่ และจัดการความเสื่อมโทรมของที่ดิน (LDN) 4,190 ไร่ ซึ่งช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 16,728.57 บาทต่อครัวเรือน นโยบายที่ 7 รับมือกับภัยธรรมชาติ ก่อสร้างระบบป้องกันและบรรเทาอุทกภัยแล้ว 53,537 ไร่ สามารถลดความเสียหายของผลผลิตเกษตรได้ปีละประมาณ 273.15 ล้านบาท นโยบายที่ 8 สานต่อสงครามสินค้าเกษตรเถื่อน ตรวจสอบห้องเย็น โรงฆ่าสัตว์สถานกักกันสัตว์ หรือที่พักซากสัตว์ทั่วประเทศ 4,528 ครั้ง ปราบปรามการลักลอบนำเข้า – ส่งออก สินค้าปศุสัตว์และประมงผิดกฎหมาย 47,405 ครั้ง โดยดำเนินคดีสินค้าปศุสัตว์ 78 คดี มูลค่า 16.94 ล้านบาท และสินค้าประมง 57 คดี มูลค่า 7.23 ล้านบาท และนโยบายที่ 9 อำนวยความสะดวกด้านการเกษตร ผลักดันนโยบายตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ โครงการ 1 อำเภอ 1 แปลงเกษตรอัจฉริยะ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวด้วยเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ 15 แปลง 150 ไร่ ใน 13 จังหวัด พร้อมทั้งขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกพืชกว่า 3.28 ล้านครัวเรือน สำหรับด้านมาตรการลดต้นทุน เพิ่มรายได้ ดำเนินการผ่านระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ 2,875 แปลง และผลิตขยายพันธุ์พืชพันธุ์ดีและสัตว์พันธุ์ดีจำนวนมาก ขณะที่มาตรการเสริมแกร่งเกษตรกรให้สามารถแข่งขันได้: ผลักดันการปรับโครงสร้างหนี้ ฟื้นฟูและพัฒนาอาชีพให้สมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ 1,268 ราย บริหารจัดการสินเชื่อแก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีหนี้ค้าง (NPL) 692 แห่ง
******************************************************
ข่าว : ส่วนประชาสัมพันธ์ / ข้อมูล : ศูนย์ประเมินผล–
ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
เลขที่ 50 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร
กทม. โทร 02-9407239-40















