ข่าวที่ 146/2568 สศก. ผนึกกำลัง สคทช. ลงพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์ ใช้ภาพถ่ายทางอากาศ–Ground Truth ยืนยันแนวเขตที่ดินรัฐ วางฐาน “ที่ดินชัด ตามรอยได้ ยกระดับสินค้าเกษตรมูลค่าสูง”
เขียนโดย Athiwat Poaek เมื่อ 17 ธันวาคม 2568
สศก. ผนึกกำลัง สคทช. ลงพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์ ใช้ภาพถ่ายทางอากาศ–Ground Truth
ยืนยันแนวเขตที่ดินรัฐ วางฐาน “ที่ดินชัด ตามรอยได้ ยกระดับสินค้าเกษตรมูลค่าสูง”
นายพีรพันธ์ คอทอง รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า สศก. ในฐานะหน่วยงานด้านสารสนเทศการเกษตร และผู้ปฏิบัติงานในคณะอนุกรรมการอ่านภาพถ่ายทางอากาศภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ได้ร่วมกับกองที่ดินของรัฐ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ลงพื้นที่อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อตรวจสอบเขตที่ดินของรัฐ จำนวน 2 บริเวณ รวม 31 แปลง 6 ระวาง ระหว่างวันที่ 2–4 ธันวาคม 2568
การดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปตามมาตรการของ คทช. โดยมุ่งเน้น 3 วัตถุประสงค์หลัก คือ (1) หาตำแหน่งและขอบเขตที่ดินของรัฐ (2) ตรวจหาร่องรอยการทำประโยชน์ของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ และ (3) จัดทำฐานข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการที่ดินให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งในมุมมองทางเศรษฐศาสตร์เกษตร การดำเนินการนี้ไม่ใช่เพียงการสำรวจรังวัดทั่วไป แต่ถือเป็นการลงทุนครั้งสำคัญใน “โครงสร้างพื้นฐานเชิงสถาบันด้านที่ดิน” (Institutional Infrastructure) เพื่อสร้างกติกาที่ชัดเจน ลดความไม่แน่นอน และที่สำคัญที่สุดคือการ ลดต้นทุนธุรกรรม (Transaction Costs) ให้กับเกษตรกรและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทำให้ระบบการผลิตและการค้าสินค้าเกษตรเดินหน้าได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำลง ตรวจสอบได้ และคาดการณ์ผลผลิตได้แม่นยำขึ้น
สำหรับกระบวนการทำงานภาคสนามครั้งนี้ เป็นขั้นตอนสำคัญของการพิสูจน์ทราบในพื้นที่จริง (Ground Truth) เพื่อยืนยันผลอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศเบื้องต้น โดยเน้นความละเอียดรอบคอบ ผ่านการสร้างระวางแผนที่จากภาพถ่ายเก่าให้มีความถูกต้องเชิงตำแหน่งสูง และอ้างอิงภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลังหลายช่วงเวลา เพื่อประกอบการพิสูจน์สิทธิ (อาทิ WWS, VAP-61, น.ส.3 และ LTP) ซึ่งจะนำไปสู่การลดข้อพิพาทแนวเขตที่เป็นปัญหาเรื้อรังมาอย่างยาวนาน
นายพีรพันธ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อแนวเขต/สิทธิ มีความชัดเจน จะช่วยลดความไม่แน่นอนและต้นทุนข้อพิพาทเพิ่มความมั่นคงในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมระยะยาวของเกษตรกรในพื้นที่ และทำให้รัฐสามารถบริหารจัดการพื้นที่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ ความชัดเจนของแปลงที่ดินและฐานข้อมูลเชิงพิกัด ยังเป็นฐานสำคัญ ที่เอื้อประโยชน์ต่อภาคเกษตรใน 2 มิติสำคัญ ตามกรอบแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจการเกษตรสมัยใหม่ ได้แก่
1.พัฒนาระบบการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าเกษตร (Traceability) การมีพิกัดแปลงที่ชัดเจน (Plot ID) เชื่อมโยงกับทะเบียนเกษตรกร จะทำให้ระบบตรวจสอบย้อนกลับมีความน่าเชื่อถือสูง รู้แหล่งผลิต–ผู้รับผิดชอบ–วิธีการปฏิบัติ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการถูกปฏิเสธสินค้าจากคู่ค้า และแก้ปัญหาการปนเปื้อนของสินค้าได้อย่างเป็นรูปธรรม
2.ยกระดับสู่สินค้าเกษตรมูลค่าสูง (High Product Value: HPV) ความชัดเจนของพื้นที่และระบบตรวจสอบย้อนกลับ เป็นเงื่อนไขสำคัญในการก้าวสู่การผลิตสินค้าเกรดพรีเมียม ช่วยให้เกษตรกรและชุมชนมีโอกาส จับมูลค่าเพิ่ม (Value Capture) ผ่านการขายสินค้าตามคุณภาพและมาตรฐาน แทนการขาย แบบเหมารวม (Commodity) ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มผลิตภาพรวม (Total Factor Productivity: TFP) และรายได้สุทธิของเกษตรกรในที่สุด
นอกจากนี้ ฐานข้อมูลที่ดินที่แม่นยำยังช่วยให้รัฐบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Agricultural Zoning) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษา ฐานทรัพยากรการผลิต (Resource Base) และสร้าง ความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ของประเทศให้ยั่งยืนในระยะยาว
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2569 สศก. และ สคทช. มีแผนร่วมกันอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ตรัง และพังงา และจะสำรวจภาคสนามในพื้นที่ส่วนที่เหลือในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2569 เพื่อเร่งขับเคลื่อนให้เกิดฐานข้อมูลที่ดินรัฐที่สมบูรณ์ เป็นรากฐานสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน
******************************************************
ข่าว : ส่วนประชาสัมพันธ์
ข้อมูล : ศูนย์สารสนเทศการเกษตร
—
ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
เลขที่ 50 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร
กทม. โทร 02-9407239-40


















Views: 0








